วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปืน

ปืน



อาวุธปืน เป็นอาวุธซึ่งยิงกระสุนหนึ่งหรือมากกว่าด้วยความเร็วสูงผ่านทางการควบคุมการระเบิดของดินปืน การยิงเกิดขึ้นได้โดยแก๊สที่เกิดอย่างรวดเร็ว กระบวนการการเผาไหม้ที่รวดเร็วนี้เรียกว่าดีแฟล็กเกรชั่น (deflagration) ในอาวุธปืนแบบเก่าการเคลื่อนที่นี้เกิดจากดินปืน แต่ในยุคปัจจุบันอาวุธปืนนั้นจะใช้ดินปืนที่มีควันน้อยกว่า คอร์ไดท์ หรืออื่นๆ อาวุธปืนในปัจจุบัน (ยกเว้นปืนลูกซอง) จะมีลำกล้องที่ข้างในทำร่องเป็นเกลียวเพื่อเพิ่มการหมุนให้กับกระสุนซึ่งจะสร้างความมีเสถียรภาพ



ประวัติ
ในยุคกลางคำว่า"อาวุธปืน"หรือ"ไฟร์อาร์ม" (อังกฤษ: firearm) ถูกใช้โดยอังกฤษเพื่อระบุอาวุธที่จะต้องใช้ไม้ขีดไฟเพื่อจุดระเบิดของปืนใหญ่ คำดังกล่าวยังเป็นแบบหนึ่งที่ใช้เรียกนักธนูอีกด้วย เนื่องมาจากผลกระทบของการยิงในตอนนั้นพลปืนจึงต้องอยู่ที่ส่วนหลังของปืนใหญ่ พร้อมอีกมือหนึ่งค้ำเอาไว้ จึงได้ชื่อว่า"แฮนด์กัน" (อังกฤษ: hand gun) กลายมามีความหมายเดียวกับคำว่า "ไฟร์อาร์ม" ถึงแม้ว่าคำว่า "ปืน" หรือ "กัน" (อังกฤษ: gun) ในปัจจุบันจะมักใช้เพื่อหมายถึงอาวุธปืน แต่ในทางทหารหรือผู้เชี่ยวชาญจะใช้เพื่อหมายถึงปืนขนาดใหญ่เท่านั้น ปืนใหญ่จะมีขนาดใหญ่กว่าอาวุธปืนอย่างมาก มักติดตั้งบนแท่นที่เคลื่อนที่ได้ จะมีขนาดมากถึง 18 นิ้วและอาจมีน้ำหนักถึงตัน อาวุธเช่นนี้ไม่ใช่อาวุธปืน


อาวุธปืนที่ถือได้อย่างปืนเล็กยาว คาร์ไบน์ ปืนพก และอาวุธปืนขนาดเล็กอื่นๆ มักไม่ถูกเรียกว่า"ปืน"หรือ"กัน"ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ ปืนกลจะยิงกระสุนขนาดเล็กกว่า (โดยปกติแล้วจะมีขนาด 14.5 ม.ม.หรือเล็กกว่า) และปืนกลมากมายจะมีทหารคอยบังคับมากกว่าหนึ่งนาย เช่นเดียวกันกับปืนใหญ่ โดยปกติแล้วอาวุธปืนอัตโนมัติที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้เพียงคนเดียวจะเรียกว่าปืนเล็กยาวอัตโนมัติ



ปืนคาร์ไบน์

ในศตวรรษปัจจุบันอาวุธปืนได้กลายมาเป็นอาวุธที่มีอำนาจที่ถูกใช้โดยมนุษย์ชาติ ในสงครามยุคใหม่ตั้งแต่ยุคเรอเนสซองซ์ได้มีการใช้อาวุธปืนมากมายในประวัติศาสตร์ทางทหารและประวัติศาสตร์ทั่วไป สิ่งนี้ได้สร้างการรบแบบใหม่ขึ้นมาซึ่งเป็นการหลอมหลอมกองทัพยุคใหม่


สำหรับปืนสั้นและปืนยาวในยุคก่อนๆ นั้นจะใช้กระสุนที่เป็นทรงกลมและมีการเริ่มทำเป็นทรงเรียวในยุคใหม่ แต่ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยลูกเหล็กทรงกลม กระสุนจะถูกยิงโดยการเผาไหม้ที่รวดเร็วแต่ในอาวุธขนาดเล็กมักจะบรรจุระเบิดไว้ภายในตัวเองซึ่งถูกสั่งห้ามในสนธิสัญญา (Hague Convention) กระสุนของอาวุธขนาดเล็กถูกสั่งห้ามในสงครามด้วยเหตุผลคล้ายๆ กัน สำหรับปืนใหญ่ในปัจจุบันจะเป็นกระสุนที่มีระเบิดเช่นเดียวกับแบบก่อนๆ


จนกระทั่งถึงทศวรรษที่ 1800 กระสุนและดินปืนถูกแยกออกจากกันถูกใช้โดยอาวุธอย่างปืนเล็กยาว ปืนพก และปืนใหญ่ บางครั้งเพื่อความสะดวกในความเหมาะสมของดินปืนและกระสุนถูกห่อรวมกันในกระดาษ เรียกว่าปลอกกระสุนปืน (อังกฤษ: Cartridge) สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับท่อเหล็กที่ห่อหุ้มตัวจุดระเบิดและดินระเบิด ซึ่งกระสุนจะวางไว้ที่ปลายตรงกันข้ามกับตัวจุดระเบิด กระสุนแบบมีปลอกนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายและในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมันก็ได้กลายมาเป็นกระสุนแบบพื้นฐานสำหรับอาวุธปืนขนาดเล็ก รถถัง และปืนใหญ่ ปืนครกจะใช้การห่อหุ้มที่คล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตามกระสุนและกรอบมักรวมเป็นชิ้นเดียวกันซึ่งจะถูกยิงออกจากอาวุธปืน ปืนใหญ่ประจำเรือพิสัยใกล้มีบ้างที่ใช้กระสุนแบบกรอบ แต่ปืนบนเรือประจัญบานและเรือลาดตระเวนส่วนใหญ่ใช้กระสุนระเบิดและแยกออกจากดินปืน ซึ่งถูกเลือกตามความต้องการในกระสุนแบบทรงเรียว


กระสุนปืน
ความแตกต่างระหว่างกระสุนกับอาวุธปืนก็คือบางครั้งกระสุนนั้นหมายถึงอาวุธ ส่วนอาวุธปืนนั้นหมายถึงแท่นอาวุธ ในบางกรณีอาวุธปืนสามารถใช้เป็นอาวุธได้โดยตรงในการต่อสู้ระยะใกล้ ตัวอย่างเช่น ปืนเล็กยาว ปืนคาบศิลา และปืนกลมือสามารถติดดาบปลายปืนจนทำให้มันกลายเป็นหอกหรือหลาว ด้วยบางข้อยกเว้น พานท้ายปืนของปืนยาวสามารถใช้เป็นตะบองเพื่อตีได้ มันยังเป็นไปได้ที่จะตีใครด้วยลำกล้องปืนหรือด้ามจับ


ปัญหาของอาวุธปืนคือการเก็บรักษา ตัวกระสุนเองมักทิ้งเศษเอาไว้ และมันอาจก่อให้เกิดการขัดลำกล้องได้ เศษผงเหล่านี้มักก่อให้เกิดการขัดข้องภายในลำกล้อง มันจะส่งผลให้ต้องทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลาเพื่อรักษาความมีประสิทธิภาพของปืนเอาไว้


บางครั้งอาวุธปืนจะหมายถึงอาวุธปืนขนาดเล็ก อาวุธดังกล่าวคืออาวุธปืนที่สามารถขนย้ายได้ด้วยบุคคลคนเดียว ตามที่ว่าเอาไว้ในกฎหมายสงคราม อาวุธปืนขนาดเล็กถูกจัดว่าเป็นอาวุธปืนซึ่งยิงกระสุนที่ไม่มากไปกว่า 15 ม.ม. อาวุธปืนขนาดเล็กจะถูกเล็งโดยปกติโดยใช้ศูนย์เล็งธรรมดา ระยะความแม่นยำสำหรับอาวุธปืนขนาดเล็กมักมีข้อจำกัดประมาณ 1,600 เมตร โดยทั่วไปแล้วจัดว่าน้อย ถึงแม้ว่าสถิติในปัจจุบันของปืนซุ่มยิงจะมากกว่า 2.4 กิโลเมตรก็ตาม


ประวัติ

การพรรณาถึงอาวุธครั้งแรกสุดนั้นมาจากภาพแกะสลักในถ้ำที่ซิชวนซึ่งย้อนกลับไปถึงทศวรรษที่ 1100 โดยเป็นรูปที่ถือปืนทรงแจกันพร้อมเปลวไฟและลูกปืนใหญ่พุ่งออกมา ปืนที่เก่าแก่ที่สุดทำมาจากทองสัมฤทธ์ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อค.ศ. 1288 เนื่องจากมันถูกค้นพบในบริเวณเขตโบราณสถานเอเชียง (Acheng District) ที่ซึ่งยวนชิ (Yuan Shi) ได้ทำการรบมาก่อน


ชาวยุโรป อาหรับ และเกาหลีล้วนมีอาวุธปืนในทศวรรษที่ 1300 ชาวตุรกี อิหร่าน และอินเดียได้อาวุธปืนหลังจากทศวรรษที่ 1400 โดยทั้งหมดมาจากฝั่งยุโรป ชาวญี่ปุ่นไม่ได้รับอาวุธปืนจนถึงทศวรรษที่ 1500 และจากนั้นก็ได้รับจากชาวโปรตุเกสมากกว่าที่จะเป็นชาวจีน


อาวุธปืนขนาดเล็ก


ปืนพกฝรั่งเศสสมัยปลายศตวรรษที่ 18

ประเภท ๑๔ ปืนพก
อาวุธปืนขนาดเล็กที่สุดนั้นคือปืนสั้นหรือปืนพก ปืนสั้นนั้นมีด้วยกันสามชนิด คือ แบบยิงทีละนัด ปืนลูกโม่ และปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ปืนลูกโม่จะมีจำนวนการยิงตามช่องใส่กระสุนทรงกระบอก ในแต่ละช่องของทรงกระบอกจะบรรจุกระสุนเอาไว้หนึ่งนัด ปืนพกกึ่งอัตโนมัติจะมีช่องปืนเพียงช่องเดียวที่ด้านท้ายของลำกล้องและมีแมกกาซีนที่สามารถเปลี่ยนได้จึงทำให้พวกมันสามารถยิงได้มากกว่าหนึ่งนัด ปืนลูกโม่มาเตบาของอิตาลีเป็นแบบลูกผสมที่หายาก ในการเหนี่ยงไกแต่ละครั้งจะหมุนกระบอกทันทีจนทำให้มันยิงได้อย่างรวดเร็ว ปืนเว้บลีย์ของอังกฤษก็เป็นปืนลูกโม่อัตโนมัติเช่นกัน มันเกิดขึ้นประมาณศตวรษที่ 20

ปืนลูกโม่ ผลงานของ แซม โคลต์ (Sam Colt) ในปี 1836 

ปืนสั้นแตกต่างจากปืนเล็กยาวหรือปืนไรเฟิลและปืนลูกซองด้วยขนาดที่เล็กกว่า ขาดพานท้าย กระสุนที่ไม่ทรงพลังเท่า และถูกออกแบบมาเพื่อใช้ด้วยหนึ่งหรือสองมือ ในขณะที่คำว่า"ปืนพก"สามารถใช้เพื่อบรรยายถึงปืนสั้น มันมักหมายถึงปืนพกที่ยิงทีละนัดหรือแบบที่ป้อนกระสุนอัตโนมัติ และปืนลูกโม่ก็จะหมายความโดยตรง


คำว่า "ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ" ใช้และบางครั้งก็เข้าใจผิดว่าเป็นปืนอัตโนมัติ เนื่องจากอันที่จริงแล้วคำว่าอัตโนมัติของมันไม่ได้หมายถึงกลไกการยิงแต่เป็นการป้อนกระสุน เมื่อยิงปืนพกกึ่งอัตโนมัติจะใช้แก๊สเพื่อดีดปลอกกระสุนเก่าออกและใส่กระสุนใหม่เข้าไปแทนโดยอัตโนมัติ โดยปกติแล้ว (แต่ก็ไม่เสมอไป) กลไกการยิงก็เป็นระบบอัตโนมัติเช่นกัน ปืนพกอัตโนมัติจะยิงกระสุนหนึ่งนัดต่อการเหนี่ยวไกหนึ่งครั้ง ไม่เหมือนกับอาวุธปืนอัตโนมัติอย่างปืนกลซึ่งยิงตลอดนานเท่าที่เหนี่ยวไกและจะมีปลอกกระสุนที่ยังไม่ได้ใช้ในแมกกาซีน อย่างไรก็ตามปืนพกบางรุ่นก็เป็นแบบอัตโนมัติเต็มที่ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน ทั้ง"กึ่งอัตโนมัติ"และ"บรรจุกระสุนอัตโนมัติ"จึงหมายถึงอาวุธปืนที่ยิงหนึ่งนัดต่อการเหนี่ยวไก

ปืนลูกโม่กึ่งอัตโนมัติ
ก่อนศตวรรษที่ 19 ปืนสั้นทั้งหมดเป็นแบบยิงทีละนัด ด้วยการประดิษฐ์ปืนลูกโม่ขึ้นมาในปีพ.ศ. 2321 ปืนพกก็สามารถมีกระสุนได้มากกว่าหนึ่งและมันก็กลายมาเป็นที่นิยม การออกแบบปืนพกบรรจุกระสุนอัตโนมัตินั้นปรากฏตัวขึ้นในทศวรรษที่ 1870 และได้เข้ามาแทนที่ปืนลูกโม่เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อจบศตวรรษที่ 20 ปืนสั้นส่วนมากที่ถูกใช้โดยกองทัพ ตำรวจ และพลเรือนเป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าปืนลูกโม่ยังคงเป็นที่แพร่หลายอยู่ กองทัพและตำรวจใช้ปืนพกกึ่งอัตโนมัติเพราะว่าความจุของแมกกาซีนที่มากและความสามารถในการบรรจุกระสุนได้อย่างรวดเร็ว ปืนลูกโม่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักสะสมเพราะว่ามันทรงพลังมากกว่าปืนรุ่นใหม่และความทนทาน ง่ายดาย และแข็งแกร่งทำให้มันเหมาะกับการใช้อย่างทรหด การออกแบบทั้งสองเป็นที่นิยมในหมู่พลเรือนซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของ
ปืนสั้นมีหลายรูปร่างและขนาด ตัวอย่างเช่น "เดอร์ริงเกอร์" เป็นปืนที่มีขนาดเล็กมาก ลำกล้องที่สั้น มักมีหนึ่งหรือสองลำกล้องแต่บางครั้งก็มีมากกว่านั้น ซึ่งต้องบรรจุกระสุนด้วยมือหลังจากทำการยิง ปืนสำหรับการดวล มันถูกใช้อย่างมากในหมู่สุภาพบุรุษ พวกเขามักมีมันเพื่อแสดงถึงตำแหน่งและความสูงศักดิ์ ปืนลูกโม่และปืนพกบรรจุกระสุนอัตโนมัติมีขนาดที่หลากหลาย ซึ่งปืนพกแบบใหม่มักสี่ขนาด ในแต่ละขนาดจะมีข้อดีและข้อด้อย ปืนที่เล็กกว่ามักจะต้องแลกด้วยกระสุนที่น้อยลง ในขณะที่ปืนที่ใหญ่กว่าก็จะมีความแม่นยำมากกว่า ในปืนแบบอัตโนมัติอย่าง เอ็มเอซี-10 กล็อก 18 และเบเรทต้า 93อาร์เป็นการพัฒนาครั้งล่าสุดของศวรรษที่ 20


ปืนสั้นเดอร์ริงเกอร์

ปืนสั้นมีขนาดเล็กและมักง่ายที่จะพกพา ดังนั้นทำให้มือทั้งสองนั้นว่างพอที่จะทำอย่างอื่นได้ ปืนสั้นที่มีขนาดเล็กสามารถเก็บซ่อนได้ง่าย ทำให้มันถูกเลือกเป็นอาวุธสำหรับป้องกันตัว ในกองทัพปืนสั้นมักใช้โดยผู้ที่ไม่คาดว่าจะต้องใช้อาวุธปืนจริงๆ อย่างนายพลและนายทหาร และสำหรับผู้ที่ไม่มีที่ว่างพอจะใช้ปืนเล็กยาวอย่างนักบินหรือพลขับยานพาหนะ ในบทบาทสุดท้ายนี้พวกมันมักถูกใช้เป็นคาร์บิน คือปืนเล็กยาวขนาดสั้นซึ่งมักใช้โดยทหารพลร่มเพราะว่าขนาดที่เล็กของมัน ปืนสั้นยังถูกใช้โดยพลปืนเล็กยาวในฐานะอาวุธสำรอง อย่างไรก็ดีความเชื่อถือได้ในการยิงและอำนาจการยิงนั้นก็ตกเป็นของปืนเล็กยาวจู่โจม มันจึงทำให้ปืนสั้นแทบหมดประโยชน์ไปเมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 20 นอกจากกองทัพแล้วปืนสั้นก็มักเป็นอาวุธของตำรวจและพลเรือนตามกฎหมาย

พลเมืองมีสิทธิในการพกอาวุธในที่สาธารณะเป็นปืนสั้นเท่านั้นยกเว้นเมื่อทำการล่าสัตว์ เพราะอาวุธปืนที่ไม่ได้ปกปิดนั้นจะดังดูดความสนใจและไม่ค่อยปลอดภัยนัก ปืนสั้นยังถูกใช้ในกีฬาถึงแม้ว่าการล่าสัตว์ที่เป็นกีฬานั้นจะไม่เหมาะกับปืนสั้นก็ตาม นักล่าสัตว์บางคนที่ต้องทการล่าในที่ที่แคบก็มักเลือกที่จะใช้ปืนสั้นแทน กระสุนปืนสั้นยังถูกกว่ากระสุนของปืนเล็กยาวและมักมีประสิทธิภาพกับสัตว์หลายชนิด


ปืนยาว

ปืนคาบศิลา

ปืนยาวในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นปืนเล็กยาวหรือปืนลูกซอง ในทางประวัติศาสตร์ปืนยาวนั้นคือปืนคาบศิลา ปืนเล็กยาวมีจีลำกล้องที่ด้านในทำเป็นร่องเกลียวและยิงกระสุนทีละนัด ในขณะที่ปืนลูกซองจะยิงออกมาเป็นลูกปราย นัดเดียว กระสุนแซบบ็อท หรือกระสุนพิเศษ (อย่างแก็สน้ำตา) ปืนเล็กยาวมีบริเวณปะทะที่เล็กมากแต่มีระยะไกลและความแม่นยำสูง ปืนลูกซองนั้นมีบริเวณปะทะขนาดใหญ่แต่มีความแม่นยำและระยะที่น้อย อย่างไรก็ตามบริเวณปะทะที่ใหญ่มากขึ้นสามารถชดเชยความแม่นยำได้ อย่างที่ปืนลูกซองมักถูกใช้เพื่อยิงเป้าบิน

ปืนเล็กยาวและปืนลูกซองมักใช้เพื่อล่าสัตว์และมักใช้เพื่อป้องกันบ้านหรือที่ทำธุรกิจ โดยปกติแล้วในการล่าสัตว์จะใช้ปืนเล็กยาว ในขณะที่การล่านกจะใช้ปืนลูกซอง ปืนลูกซองนั้นยังถูกใช้เพื่อป้องกันที่อาศัยหรือธุรกิจเพราะว่ามันมีบริเวณปะทะที่กว้าง สร้างความเสียหายได้เยอะ ระยะที่สั้นกว่า และไม่ทะลุผนังจนสร้างความเสียหายเกินไป แต่ปืนพกก็นิยมใช้ในทางนี้ด้วยเช่นกัน


ปืนลูกซองแฝด

ปืนเล็กยาวและปืนลูกซองนั้นมีหลากหลายแบบโดยขึ้นอยู่กับวิธีในการเติมกระสุน ปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนและแบบงัดนั้นทำการแบบมือ ทั้งสองต้องใช้เวลาในการนำปลอกกระสุนออก ทั้งสองแบบมักถูกใช้โดยปืนเล็กยาว ปืนเล็กยาวและปืนลูกซองแบบสไลด์หรือปั้มพ์มักจะดีดกระสุนออกโดยอัตโนมัติ แบบนี้มักใช้โดยปืนลูกซองแต่ก็มีบริษัทผู้ผลิตไม่น้อยที่นำไปใช้กับปืนเล็กยาว

ทั้งปืนเล็กยาวและปืนลูกซองยังมีแบบที่ต้องบรรจุกระสุนด้วยมือแทนที่จะเป็นกลไก ทั้งปืนเล็กยาวและปืนลูกซองเริ่มมีหนึ่งหรือสองลำกล้อง อย่างไรก็ดีเนื่องมาจากราคาที่แพงและความยากในการผลิจ แบบที่มีสองลำกล้องจึงผลิตออกมาน้อย ปืนเล็กยาวสองลำกล้องนั้นมักใช้ล่าสัตว์ที่อัฟริกา

ปืนเล็กยาวถูกใช้โดยพลแม่นปืนในหลายๆ ประเทศแม้กระทั่งในยุโรปและสหรัฐฯ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เมื่อปืนเล็กยาวปรากฏตัวขึ้นครั้งแรก หนึ่งในการแข่งขันปืนเล็กยาวที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกาเกิดขึ้นเมื่อพ.ศ. 2318 เมื่อแดเนียล มอร์แกนได้ทำหน้าที่พลแม่นปืนในเวอร์จิเนียในสงครามประกาศอิสรภาพของอเมริกา ในบางประเทศพลแม่นปืนคือความภูมิใจของชาติ ปืนเล็กยาวพิเศษบางชนิดถูกอ้างว่ามีระยะถึง 1 ไมล์ (1,600 เมตร) ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะน้อย ในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 กีฬาปืนลูกซองนั้นเป็นที่นิยมมากกว่าปืนเล็กยาว


ปืนลูกซองแบบปั๊มชัก
ในกองทัพ ปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนพร้อมกับกล้องส่องจะหมายถึงปืนซุ่มยิง อย่างไรก็ตามในสงครามเกาหลีปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนและกึ่งอัตโนมัติที่ถูกใช้โดยทหารราบนั้นจะสามารถเปลี่ยนเป็น"ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ"ได้



ปืนอัตโนมัติ

ปืนอัตโนมัติเป็นอาวุธปืนที่สามารถทำการยิงกระสุนได้หลายนัดในการเหนี่ยวไกหนึ่งครั้ง แกทลิ่งเป็นอาวุธที่ทำงานด้วยข้อหมุนแบบแรกซึ่งเป็นปืนอัตโนมัติชนิดแรกเช่นกัน แม้ว่าปืนกลอย่างในปัจจุบันยังไม่เป็นที่นิยมนักในตอนนั้นจนถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ปืนอัตโนมัติจะถูกใช้โดยกองทัพเท่านั้นแม้ว่ามีจำนวนมากที่ถูกใช้โดยอาชญากร

FN Minimi

ปืนกลเป็นอาวุธอัตโนมัติขนาดแท้ โดยปกติจะไม่เหมือนกับอาวุธอัตโนมัติด้วยการที่มันใช้สายกระสุน (บางแบบเป็นแบบวงกลม) โดยทั่วไปจะใช้กระสุนคล้ายกับปืนเล็กยาวตั้งแต่ 5.56 ม.ม.ของนาโต้ไปจนถึง .50 บีเอ็มจีหรืออาจมีขนาดใหญ่กว่าสำหรับอาวุธเครื่องบิน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกใช้อย่างกว้างขวางนักจนถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ปืนกลแบบแรกๆ นั้นถูกใช้โดยกองทัพในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 พวกมันเป็นอาวุธปืนสำหรับป้องกันโดยมีผู้ควบคุมสองนาย เพราะว่ามันยากที่ตะเคลื่อนย้ายและติดตั้งมัน และพวกมันก็ไม่ค่อยมีความแม่นยำ ปืนกลขนาดเบาในยุคใหม่อย่างเอฟเอ็น มินิมิมักถูกใช้โดยทหารเพียงหนึ่งนาย พวกมันยิงกระสุนออกมามากและในอัตราที่สูงและมักถูกใช้เพื่อสร้างการยิงคุ้มกัน ปืนกลมักติดตั้งอยู่บนยานพาหนะหรือเฮลิคอปเตอร์ และมักถูกใช้เป็นอาวุธของเครื่องบินขับไล่และรถถังตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง


ปืนกลมือเฮคเลอร์แอนด์คอช เอ็มพี5ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยผู้คุมกฎหมาย ทีมยุทธการและกองกำลังทางทหาร

ปืนกลมือ เป็นอาวุธปืนที่ใช้แมกกาซีน มักมีขนาดเล็กกว่าปืนอัตโนมัติแบบอื่นๆ ซึ่งมันนั้นใช้กระสุนของปืนพก ด้วยเหตุนี้เองปืนกลมือจึงมักเรียกกันว่าปืนพกกลโดยเฉพาะเมื่อหมายถึงปืนอย่างสกอร์เปียน วีซี. 61 และกล็อก 18 ตัวอย่างของปืนกลมือได้แก่อูซี่ของอิสราเอลและเอชเค เอ็มพี5 ซึ่งใช้กระสุน 9x19 ม.ม.แบบพาราเบลลัม ปืนกลมือทอมป์สันของอเมริกาที่ใช้กระสุน .45 เอซีพีและเอฟเอ็น พี90 ของเบลเยี่ยมซึ่งใช้กระสุน 5.7x28 ม.ม. เนื่องมาจากขนาดที่เล็กของพวกมันและกระสุนที่ไม่ทะลุทะลวงจนเกินไป ปืนกลมือจึงมักเป็นที่ชื่นชอบในกองทัพและตำรวจโดยใช้ในบริเวณที่เป็นอาคารหรือในเมือง


ชนิดของอาวุธปืนที่คล้ายกันนั้นคืออาวุธป้องกันบุคคลหรือพีดีดับบลิว (Personal Defense Weapon) ซึ่งเป็นปืนกลมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อยิงกระสุนของปืนเล็กยาว ปืนกลมือนั้นได้เปรียบที่ขนาดเล็กและความจุกระสุน แต่ถึงกระนั้นกระสุนของปืนพกที่มันใช้ก็ขาดการทะลุทะลวง ในทางตรงกันข้ามกระสุนของปืนเล็กยาวนั้นสามารถเจาะทะลุเกราะได้และแม่นยำ แต่แม้กระทั่งคาร์บินก็มีขนาดใหญ่เทอะทะจนยากในการใช้งานในที่แคบ ทางแก้ไขของบริษัทผู้ผลิตอาวุธปืนจำนวนมากคือการนำเสนออาวุธที่ผสมปืนกลมือเข้ากับอำนาจการยิงของกระสุนที่ทรงพลังหรือการนำปืนคาร์บินมาผสมกับปืนกลมือนั่นเอง ตัวอย่างเช่น เอฟเอ็น พี90 และเอชเค เอ็มพี7


ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ


เฮคเลอร์แอนด์คอช เอชเค 33

ปืนเล็กยาวอัตโนมัติเป็นปืนยาวที่ใช้แมกกาซีน ใช้โดยทหารหนึ่งนาย ซึ่งทำงานเป็นระบบอัตโนมัติ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติบราวนิ่งเป็นอาวุธอัตโนมัติชนิดแรกของกองทัพสหรัฐฯ และถูกใช้เพื่อการยิงคุ้มกันหรือสนับสนุนซึ่งในปัจจุบันเป็นหน้าที่ของปืนกลขนาดเบา ปืนเล็กยาวอัตโนมัติรุ่นอื่นๆ ได้แก่เฟเดรอฟ อาฟโตมัทและปืนเล็กยาวอัตโนมัติฮวท ต่อมาฝ่ายเยอรมนีได้ใช้เอสทีจี 44ในสงครามโลกครั้งที่สอง มันเป็นปืนเล็กยาวอัตโนมัติขนาดเบา ปืนนี้ไดกลายมาเป็นต้นแบบของปืนเล็กยาวจู่โจม หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลง เอ็ม14 (เข้ามาแทนที่เอ็ม1 กาแรนด์) ถูกนำมาใช้โดยสหรัฐฯ ตามมาด้วยปืนเล็กยาวเอ็ม16เอ1 ที่ถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามเวียดนาม นอกจากนั้นยังมีเอเค 47 ของคาลาชนิคอฟที่ถูกใช้โดยสหภาพโซเวียตและฝ่ายคอมมิวนิสต์อย่างจีน เกาหลีเหนือ และเวียดนามเหนือ 

ไฟล์:M16a1m16a2m4m16a45wi.jpg
จากบนล่าง ปืน M16A1 , M16A2 , M4A1 และปืน M16A4

ทั้งเอ็ม16 และเอเค-47 ยังคงถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าปืนเล็กยาวอัตโนมัติแบบอื่นๆ จะมีให้ใช้ก็ตาม เอ็ม16เอ2 ที่มีขนาดเล็กกว่าหรือเอ็ม4 คาร์บินถูกใช้โดยพลขับรถถังและยานพาหนะ พลร่ม พลสนับสนุน และในสถานที่ต่างๆ ที่คับแคบ ไอเอ็มไอ กาลิลของอิสราเอลนั้นคล้ายคลึงกับเอเค-47 มันถูกใช้โดยอิสราเอล อิตาลี พม่า พิลิปปินส์ เปรู และกัมพูชา เอสไอจี ซูเออร์ของสวิตเซอร์แลนด์ได้ผลิตเอสไอจี เอสจี 550 ที่ใช้โดยฝรั่งเศส ชิลี และสเปน และสเตร์ แมนนิลเชอร์ได้ผลิตสเตร์ เอยูจีที่ใช้โดยออสเตรเลีย อสสเตรีย นิวซีแลนด์ ไอร์แลนด์ และซาอุดิอาระเบีย



1 ความคิดเห็น:

  1. A large and clear crystal lattice with a titanium tube - Baojitit
    In order baoji titanium to gain 통영 출장안마 any advantage 사천 출장안마 over others, this will 속초 출장안마 allow you to keep your own in order. This should be known as an ultra-high quality 서산 출장샵 crystal-

    ตอบลบ